
ประวัติ
ชื่อ : วิกรม กรมดิษฐ์
วันเกิด : 17 มีนาคม 2496
ประสบการณ์ :
- ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน และประธานมูลนิธิอมตะ
- ปี 2550 นิตยสารฟอร์ปส์ ได้จัดอันดับให้คุณวิกรมเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทย อันดับที่ 27
- ปี 2551 ได้จัดให้คุณวิกรมเป็นหนึ่งใน 48 คนของ Heroes of Philanthropy in Asia เป็นบุคคลที่สนับสนุนงานด้านสาธารณะเพื่อสังคม
- ปี 2551 ได้รับรางวัล fDi Personality of the Year 2008-Asia จาก Foreign Direct Investment magazine (fDi) ในเครือของ Financial Times Group จากลอนดอน ลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทสร้าง AMATA CASLE เพื่อเป็นศูนย์รวมศิลปะและองค์ความรู้ในภาคพื้นสุวรรณภูมิเพื่อถ่ายทอดให้แก่อนุชนรุ่นหลัง
ผมจะเป็นคนดี ใช้ชีวิตแบบพอเพียง และส่งคืนสิ่งดีๆ ให้กับสังคม
วิกรม กรมดิษฐ์ Personal Branding นักล่าฝัน ผู้สร้างอาณาจักร “อมตะนคร” จากตัวตน
“การทำธุรกิจจะต้องมีการวางแผนที่เป็นระบบทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวให้ชัดเจน แล้วลงมือทำตามแผนงานอย่างเคร่งครัด ความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องเงินทองอย่างเดียว ความสำเร็จคือ การทำให้ทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน มีความสุขและพึงพอใจในสิ่งที่เราทำไปด้วยกัน”
วิกรม กรมดิษฐ์ เป็นผู้สร้างนิยามใหม่ของการทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม “อมตะนคร” นิคมอุตสาหกรรมขนาดสองหมื่นไร่ที่วิกรมปลุกปั้นจนสามารถสร้างผลกำไรมหาศาลและก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน เขาไม่เพียงแต่ทำธุรกิจเพื่อผลประกอบการเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงการเป็นเมืองสมบูรณ์แบบที่ดูแลทั้งคน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง สร้างสาธารณูปโภคและธุรกิจบริการแบบครบวงจรที่ทำให้เป็นทั้งแหล่งหารายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทำงานในนิคมและชุมชนโดยรอบให้ดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน แม้ว่า “อมตะนคร” เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดแห่งหนึ่ง แต่วิกรมยังไม่หยุดฝันแต่เพียงเท่านี้ อมตะนครในอนาคตกำลังจะเปลี่ยนโฉมไปเป็นเมืองอัจฉริยะที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ควบคู่ไปกับการจัดการพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเมืองแห่งการวิจัยและพัฒนาและศูนย์กลางการเรียนรู้ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้สังคมไทยได้ในระยะยาว
วิกรม กรมดิษฐ์เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่และคนทั่วไปในความมานะพยายามสร้างธุรกิจจากความฝันที่มีจนกลายเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน เขายังตอบแทนสังคมด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตและมุมมองการดำเนินธุรกิจผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ วิทยุ โทรทัศน์และการปาฐกถาในงานต่างๆ การบอกเล่าตัวตนที่แท้จริงและการต่อสู้ดิ้นรนทั้งในการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจที่ผ่านความผิดหวังล้มเหลวมาจนประสบผลสำเร็จ ก็เพื่อเป็นแนวทางให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์นั่นเอง
วิกรม ปลีกวิเวกตัวเองไปสร้างบ้านหลังเล็กๆที่ต่างจังหวัดเพื่อเขียนหนังสือวันละหลายชั่วโมง เขาตั้งใจกลั่นกรองประสบการณ์ชีวิตของตัวเองให้เป็นองค์ความรู้และแรงบันดาลใจ เพื่อส่งต่อสิ่งเหล่านี้ให้กับสังคมแทนที่จะบริจาคเป็นเม็ดเงินเพื่อการกุศลแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเชื่อว่า องค์ความรู้และแรงบันดาลใจที่ถูกส่งไปยังคนรุ่นต่อๆ ไป จะไม่ผุกร่อนตามกาลเวลา สิ่งเหล่านั้นจะยังอยู่แม้ว่าตัวเขาเองไม่อยู่แล้ว เป็นความยั่งยืนที่แท้จริงเหมือนชื่อ “อมตะนคร”
“เมื่อเรามีพอแล้วก็ต้องรู้จักแบ่งปันให้คนอื่น ผมอยากถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ของผมให้กับคนอื่นๆ ได้ศึกษา อยากให้เขาเก่งกว่าผม สร้างประโยชน์ได้มากกว่าผม มันเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่าและจะอยู่กับคนรุ่นต่อๆ ไป”
“ผมจะเป็นคนดี ใช้ชีวิตแบบพอเพียง และส่งคืนสิ่งดีๆ ให้กับสังคม” วิกรม
กรุณา บัวคำศรี
รายการข่าวต่างประเทศที่มีความเข้าใจในมนุษย์และประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่จำเป็น เราต้องมีรายการข่าวประเภทนี้ เป็นรายการที่ให้คนได้เปิดโลกทัศน์เพื่อให้สังคมเติบโต
อีจัน
พวกเราอีจันเชื่อว่าการทำข่าวเผยแพร่ตีแผ่ความจริงและยืนข้างความเป็นธรรม โดยปราศจากผลประโยชน์ด้านมืดคือความจำเป็นที่ยิ่งใหญ่ที่สังคมต้องการ
จตุรงค์ สุขเอียด
ถ้านักข่าวไม่มีหน้าที่เปลี่ยนแปลงสังคมให้มันดีขึ้น เราจะทำข่าวไปทำไม